ยื่นภาษีครึ่งปี 2565 (ภ.ง.ด. 94) ใครมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีบ้าง?

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

118,553 VIEWS

ยื่นภาษีครึ่งปี 2565 (ภ.ง.ด. 94) ปีภาษี 2565 ใครต้องยื่นบ้าง? โดยปกติ บุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจหรือประกอบอาชีพอิสระ จะต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) โดยนำเงินได้ ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2565 มายื่นภาษีครึ่งปีภายในวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2565 ด้วย นอกเหนือจากการยื่นภาษีประจำปี 

คุณเป็นผู้มีหน้าที่ต้องยื่น ภ.ง.ด. 94 ด้วยหรือไม่ ใช้สิทธิลดหย่อนอะไรได้บ้าง สามารถตรวจสอบรายละเอียดและเงื่อนไขดังต่อไปนี้

กำหนดการ ยื่นภาษีครึ่งปี 2565 (ภ.ง.ด. 94) สำหรับปีภาษี 2565

ผู้เสียภาษีที่มีเงินได้เข้าข่ายต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) สามารถยื่นแบบพร้อมชำระภาษีได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 และสามารถทำการยื่นแบบพร้อมชำระภาษีออนไลน์ได้ที่ www.rd.go.th จนถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2565

ใครบ้างที่ต้อง ยื่นภาษีครึ่งปี 2565 (ภ.ง.ด. 94) ?

ผู้ที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) คือ ผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน ของทุกปี (ไม่รวมรายได้จากงานประจำ) เกิน 60,000 บาทสำหรับกรณีโสด หรือในกรณีมีคู่สมรสจะต้องมีรายได้รวมกันเกิน 120,000 บาท และจะต้องเป็นเงินได้ที่เข้าข่ายเงินได้ประเภทต่างๆ ต่อไปนี้

เงินได้ประเภทที่ 5 (เงินได้ 40 (5))

คือ รายได้ที่มาในรูปแบบของค่าเช่า (ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าที่ได้รับจากทรัพย์สินใดๆ ก็ตาม), การผิดสัญญาเช่า เป็นต้น หากคุณมีรายได้ (มาตรา 40 (5) ประมวลรัษฎากร) (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เงินได้ประเภทที่ 5)

เงินได้ประเภทที่ 6 (เงินได้ 40 (6))

คือ รายได้หรือค่าตอบแทนที่ได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระ 6 อาชีพ ได้แก่ การประกอบโรคศิลปะ, นักกฎหมาย, วิศวกร, สถาปนิก, นักบัญชี และช่างประณีตศิลป์ (มาตรา 40 (6) ประมวลรัษฎากร) (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เงินได้ประเภทที่ 6)

เงินได้ประเภทที่ 7 (เงินได้  40 (7))

คือ รายได้ที่มาในรูปแบบของค่ารับเหมาที่ผู้เสียภาษีต้องทำหน้าที่จัดหาเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ค่าแรง ค่าเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ และค่าของต่าง (ตามมาตรา 40 (7) ประมวลรัษฎากร) (อ่านเพิ่มเติมที่ เงินได้ประเภทที่ 7)

เงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ 40 (8))

คือ เงินได้ที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี และไม่ถูกจัดให้อยู่ในเงินได้ประเภทอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เช่น รายได้ที่ได้รับจากขายของออนไลน์, เปิดร้านอาหาร, กำไรที่ได้จากการของกองทุน LTF/RMF เป็นต้น (ตามมาตรา 40(8) ประมวลรัษฎากร) (อ่านเพิ่มเติมที่ เงินได้ประเภท 8)

ผู้มีเงินได้

มีเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (5) – (8) แห่งประมวลรัษฎากร (ม.ค. – มิ.ย.)

ผู้ยื่นแบบฯ
คนโสด เกิน 60,000 บาท ผู้มีเงินได้
คู่สมรสที่มีเงินได้ฝ่ายเดียว หรือ สองฝ่ายรวมกัน เกิน 120,000 บาท ผู้มีเงินได้
กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง เกิน 60,000 บาท ผู้จัดการมรดก/ ทายาท/ ผู้ครอบครองมรดก
ห้างหุ้นส่วนสามัญ เกิน 60,000 บาท ผู้จัดการ / ผู้อำนวยการห้างหุ้นส่วนสามัญ
คณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล เกิน 60,000 บาท ผู้จัดการของคณะบุคคล

ส่วนผู้เสียภาษีท่านอื่นๆ ที่เช็กตัวเองเรียบร้อยแล้วว่า เงินได้ที่ได้รับมานั้นไม่เข้าข่ายเงินได้ 4 ประเภทข้างต้นก็วางใจได้เลย เพราะคุณไม่จำเป็นต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) และเตรียมวางแผนภาษีสำหรับการยื่นภาษีเงินได้ประจำปี ในช่วงต้นปี 2566 ได้เลย

ยื่นภาษีครึ่งปี ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้มั้ย?

สำหรับการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปีนั้น ผู้เสียภาษีจะยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เหมือนเดิม เพียงแต่เงื่อนไขอาจจะแตกต่างกันไปสักเล็กน้อย โดยแบ่งค่าลดหย่อนได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่ม 1 กลุ่มที่ลดหย่อนได้ตามปกติ

1. ค่าเบี้ยประกันสุขภาพตนเอง

ค่าเบี้ยประกันสุขภาพตนเอง ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีครึ่งปีได้นั้น จะต้องเป็นค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายในเดือน มกราคม – มิถุนายน (ในปีภาษีนั้นๆ ) และสามารถหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท (เมื่อรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิต สามารถหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท)

2. ค่าเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่

ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ตนเอง หรือค่าเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

3. ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร

ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร สามารถลดหย่อนภาษีได้ครั้งละไม่เกิน 60,000 บาท ในกรณีที่ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์และการคลอดบุตรไม่ได้เกิดขึ้นในปีภาษีเดียวกัน ผู้เสียภาษียังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงในแต่ละปีภาษี แต่รวมกันลดหย่อนได้ไม่เกิน 60,000 บาท

4. กองทุน SSF

กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีที่ได้รับ และไม่เกิน 200,000 บาท

5. กองทุน SSF ลดหย่อนภาษี

กองทุน RMF ลดหย่อนภาษี ในกรณีที่คุณซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท

6. เงินบริจาคลดหย่อนภาษี

เงินบริจาคลดหย่อนภาษี สำหรับการยื่นภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) แบ่งออกได้ 3 กรณี คือ

  • บริจาคเงินแก่สถานศึกษา กีฬา และโรงพยาบาลรัฐ สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาคจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย
  • บริจาคทั่วไป ให้ศาสนสถาน, องค์กรการกุศล สามารถหักลดหย่อนได้ตามที่บริจาคจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อนอื่นๆ และเงินบริจาคพิเศษ

7. ค่าลดหย่อนกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)

ค่าลดหย่อนกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามยอดที่จ่ายจริงได้สูงสุด 13,200 บาท

8. ค่าลดหย่อนช้อปดีมีคืน

ค่าลดหย่อนช้อปดีมีคืน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2565 จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท

9. เงินลงทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise)

ในกรณีที่คุณจ่ายเงินเพื่อร่วมลงหุ้น หรือ ลงทุนเงินลงทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

10. ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ

สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท

11. เงินบริจาคพรรคการเมือง

เงินบริจาคพรรคการเมือง ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท

กลุ่ม 2 กลุ่มที่ลดหย่อนได้น้อยกว่าปกติ

12. ค่าลดหย่อนส่วนตัว

ผู้เสียภาษีสามารถใช้หักลด ค่าลดหย่อนส่วนตัว ได้ 30,000 บาท (ค่าลดหย่อนทั้งปี 60,000 บาท)

13. ค่าลดหย่อนคู่สมรส

13.1 คู่สมรสไม่มีเงินได้ หรือ มีเงินได้ตามมาตรา 40(1) – (4) สามารถหักลดหย่อนได้ 30,000 บาท (เต็มปี 60,000 บาท)

13.2 กรณีคู่สมรสมีเงินได้มาตรา กรณีที่คู่สมรสมีเงินได้ ตามมาตรา 40 (5) – (8)

  • กรณีรวมยื่นภาษี ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนตัวได้ 30,000 บาท และสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนคู่สมรสได้ 30,000 บาท
  • กรณีแยกยื่นภาษี ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนตัวได้ 30,000 บาท และจะไม่สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีคู่สมรสได้

14. ค่าลดหย่อนบุตร

ค่าลดหย่อนบุตรชอบด้วยกฎหมาย สามารถหักลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท (เต็มปี 30,000 บาท) โดยไม่จำกัดจำนวนบุตร แต่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนบุตรได้ในกรณีที่บุตรมีอายุไม่เกิน 25 ปี ยังศึกษาในชั้นมหาวิทยาลัยหรืออุดมศึกษาเท่านั้น

แต่ถ้าเป็นบุตรคนที่สองเป็นต้นไปที่เกิด พ.ศ. 2561 หรือหลัง พ.ศ. 2561 สามารถหักลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท (เต็มปี 60,000 บาท)

ส่วนกรณีบุตรบุญธรรม สามารถหักลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท (เต็มปี 30,000 บาท)

15. ค่าลดหย่อนบิดามารดา

ค่าลดหย่อนบิดามารดา สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้คนละ 15,000 บาท (เต็มปี 30,000 บาท) และมีข้อแม้ว่า บิดามารดาจะต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีขอหักลดหย่อนเกิน 30,000 บาท (บุตรบุญธรรมจะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีครึ่งปีได้)

16. ค่าลดหย่อนผู้พิการหรือทุพพลภาพ

ค่าลดหย่อนผู้พิการหรือทุพพลภาพ สามารถนำมาหักลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท (เต็มปี 60,000 บาท)

17. ค่าเบี้ยประกันชีวิต

ค่าเบี้ยประกันชีวิต สามารถนำค่าเบี้ยประกันที่จ่ายตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายน มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แบ่งออกเป็น

  • ส่วนที่จ่ายไม่เกิน 10,000 บาท สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ครึ่งนึง แต่ไม่ต้องเกิน 5,000 บาท
  • ส่วนที่จ่ายเกิน 10,000 บาท สามารถหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 90,000 บาท

เช่น คุณจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตในวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 จำนวน 100,000 บาท หากคุณยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 จะสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 95,000 บาท ( 10,000 บาทแรกใช้ลดหย่อนภาษีได้ครึ่งหนึ่ง คือ 5,000 บาท และลดหย่อนภาษีส่วนที่เกิน 10,000 บาท คือ 90,000 บาท  เมื่อนำ 5,000 + 90,000 = 25,000 บาท )

ทั้งนี้หากคุณไม่ต้องการใช้สิทธิค่าเบี้ยประกันชีวิตลดหย่อนภาษีตอนที่ยื่นภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) เนื่องจากต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตอนยื่นภาษีเงินได้ประจำปี (ภ.ง.ด. 90, 91) ก็สามารถทำได้

18. ค่าลดหย่อนดอกเบี้ยบ้าน

ค่าลดหย่อนดอกเบี้ยซื้อที่อยู่อาศัย สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามยอดที่จ่ายจริงได้สูงสุด 95,000 บาท (จ่ายระหว่างเดือน มกราคม – มิถุนายน) แบ่งออกเป็น

  • ส่วนที่จ่ายไม่เกิน 10,000 บาท สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ครึ่งนึง แต่ไม่ต้องเกิน 5,000 บาท
  • ส่วนที่จ่ายเกิน 10,000 บาท สามารถหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 90,000 บาท

19. ค่าลดหย่อนประกันสังคม

ในกรณีที่คุณจ่าย เงินสมทบกองทุนประกันสังคม สำหรับปีภาษี 2565 สามารถหักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1,910 บาท (ปกติครึ่งจะใช้สิทธิลดหย่อนได้ 2,592 บาท)

ทั้งนี้ อัตราดังกล่าวเป็นการอ้างอิงการจ่ายเงินสมทบ 6 เดือนแรกของผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (บุคคลที่เคยทำงานในบริษัท หรือ เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาก่อน แต่ออกจากงานมาแล้ว และต้องการรักษาสิทธิประกันสังคมไว้)

หมายเหตุ: ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 คือ บุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือแรงงานนอกระบบ ที่ไม่เคยเป็นพนักงานบริษัท ไม่เป็นข้าราชการหรือบุคคลที่ถูกยกเว้นตามกฎหมายประกันสังคม และแน่นอนว่า ต้องไม่เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ 39 มาก่อน

กลุ่ม 3 กลุ่มที่ใช้ลดหย่อนครึ่งปีไม่ได้

20. ค่าลดหย่อนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข., กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน

ค่าลดหย่อนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน ไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนในการยื่นภาษีครึ่งปี ภ.ง.ด.94 ได้ จะสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สำหรับการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลประจำปีเท่านั้น เนื่องจากเกี่ยวข้องกับรายได้จากงานประจำ

หมายเหตุ

  • เนื่องจากเอกสารที่ใช้ยื่นภาษีครึ่งปี จะไม่ใช่ ภ.ง.ด. 90, 91 ที่หลายคนคุ้นเคย แต่จะต้องยื่นภาษีโดยใช้แบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 94 ซึ่งผู้เสียภาษีสามารถดาวน์โหลดแบบแสดงรายการภาษีได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th
  • ยื่นภาษีครึ่งปีแล้ว ต้องยื่นภาษีเงินได้ประจำปีด้วย แม้ว่าคุณจะทำการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) แล้ว แต่คุณจะต้องทำการยื่นภาษีเงินได้ประจำปีด้วย ทั้งนี้การยื่นภาษีเงินได้ประจำปีนั้น คุณจะต้องทำการยื่นยอดรายได้ที่คุณมีตลอดทั้งปี ไม่ใช่การยื่นรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเท่านั้น
iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
(100K+)