รู้ยัง? เงินเดือนเท่าไหร่ ถึงไม่ต้องเสียภาษี

ทั่วไป

328,068 VIEWS

ถ้าคุณมีรายได้จากงานประจำเพียงทางเดียว

  • ถ้าเงินเดือนไม่เกิน ฿10,000 = ไม่ต้องยื่นภาษี
  • ถ้าเงินเดือนไม่เกิน ฿26,583.33 = ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • ถ้าเงินเดือนเกิน ฿26,583.33 = ต้องยื่นภาษี และต้องเสียภาษีด้วย
  • ถ้าไม่ได้จ่ายประกันสังคมและเงินเดือนไม่เกิน ฿25,833.33 = ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • ถ้าไม่ได้จ่ายประกันสังคมและเงินเดือนเกิน ฿25,833.33 = ต้องยื่นภาษี และต้องเสียภาษีด้วย

รู้ไว้ไม่เสียหาย โครงสร้างภาษีปี 2563 มีผลกับ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยเฉพาะหน้าที่ของผู้มีรายได้จากงานประจำ (เงินได้ประเภทที่ 1) ในการ “ยื่นภาษี” และ “เสียภาษี” ยังไงบ้าง ทำไมรายได้เท่านี้ถึงไม่ต้องเสียภาษีเราไปดูกัน


โครงสร้างเบื้องต้น

การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะคำนวณจาก เงินได้สุทธิ ซึ่งมีสูตรคำนวณเบื้องต้นคือ

เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ

ทั้งนี้ หากเงินได้สุทธิไม่เกิน ฿150,000 จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา


โครงสร้างภาษี 2563 ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

ค่าลดหย่อนส่วนตัว

โครงสร้างภาษีตอนนี้ให้สิทธิ์ ค่าลดหย่อนส่วนตัว คนละ ฿60,000


สิทธิหักค่าใช้จ่าย

โครงสร้างภาษีตอนนี้ให้สิทธิหัก ค่าใช้จ่าย ของรายได้จากงานประจำ (เงินได้ประเภทที่ 1) ได้ 50% แต่ไม่เกิน ฿100,000


หน้าที่ยื่นภาษี

สำหรับใครที่มีรายได้จากงานประจำเพียงทางเดียว กฎหมายกำหนดว่า ผู้ที่มีรายได้จากงานประจำตลอดทั้งปี ไม่เกิน ฿120,000 (หรือเฉลี่ยเดือนละไม่เกิน ฿10,000) ไม่มีหน้าที่ต้องยื่นภาษี

หน้าที่ยื่นภาษี คือ หน้าที่ที่ต้องแสดงรายการภาษีว่ามีรายได้ ค่าภาษีและสิทธิลดหย่อนอย่างไรบ้าง ซึ่งโดยปกติผู้ที่ทำงานประจำจะมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีประจำปี ปีละ 1 ครั้ง ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. ของทุกปี

ทำไมเงินเดือนไม่เกิน ฿10,000 ไม่ต้องยื่นภาษี?

ที่กฎหมายใหม่กำหนดว่าเงินเดือนไม่เกิน ฿10,000 หรือรวมทั้งปีไม่เกิน ฿120,000 ไม่มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีนั้น ไม่ใช่ตัวเลขที่กำหนดขึ้นมาเฉยๆ แต่มีที่มาที่ไปดังนี้

ถ้าเราได้รับเงินเดือนรวมตลอดทั้งปี ฿120,000 (หรือเฉลี่ยเดือนละ ฿10,000) เราจะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินเดือนที่เราได้รับ นั่นคือ ฿60,000 และเมื่อเราเป็นผู้มีเงินได้ กฎหมายจึงมอบค่าลดหย่อนส่วนตัวให้ ฿60,000 อยู่แล้วทุกคน ดังนั้น จึงสรุปเป็นสูตรการคำนวณเงินได้สุทธิได้ว่า

เงินได้ ฿120,000 - ค่าใช้จ่าย ฿60,000 - ค่าลดหย่อน ฿60,000 = เงินได้สุทธิ ฿0

ดังนั้น เมื่อมี เงินได้สุทธิ ฿0 อยู่แล้ว จึงไม่มีค่าภาษีต้องเสียเพิ่มอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ โครงสร้างภาษีใหม่จึงกำหนดว่าผู้ที่มีรายได้จากงานประจำตลอดทั้งปีไม่เกิน ฿120,000 หรือเฉลี่ยเดือนละไม่เกิน ฿10,000 ไม่มีหน้าที่ต้อง ยื่นภาษี


หน้าที่เสียภาษี

ตอนนี้โครงสร้างภาษีทำให้ผู้ที่มีรายได้จากงานประจำสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินเดือนที่ได้รับตลอดทั้งปีแต่ไม่เกิน ฿100,000 และให้ค่าลดหย่อนส่วนตัว ฿60,000 ด้วย แต่ค่าลดหย่อนจาก เงินสะสมกองทุนประกันสังคม ยังคงอยู่ที่เพดานสูงสุด ฿9,000 เท่าเดิม

ดังนั้น หากมีเงินเดือนเฉลี่ยเดือนละ ฿26,583.33 จะคำนวณเงินได้ตลอดทั้งปีได้ ฿319,000 (เงินเดือน ฿26,583.33 x 12 เดือน) โดยเราจะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินเดือนที่เราได้รับ ซึ่งควรจะเป็น ฿159,500 แต่เนื่องจากโครงสร้างภาษีปัจจุบันจำกัดสิทธิหักค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน ฿100,000 จึงทำให้เราสามารถหักค่าใช้จ่ายจากเงินเดือนได้สูงสุดที่ ฿100,000

และเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนส่วนตัว ฿60,000 และเงินสะสมกองทุนประกันสังคมที่เราถูกนายจ้างหักไปตอนรับเงินเดือนด้วยอีกเดือนละ ฿750 หรือรวมทั้งปีเป็นเงิน ฿9,000 จึงทำให้เราสามารถสรุปเป็นสูตรการคำนวณเงินได้สุทธิได้ว่า

เงินได้ ฿319,000 - ค่าใช้จ่าย ฿100,000 - ค่าลดหย่อน (฿60,000+฿9,000) = เงินได้สุทธิ ฿150,000
ดังนั้น เมื่อมีเงินได้สุทธิไม่เกิน ฿150,000 แม้จะยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีตามปกติ แต่เราจึงไม่มีภาระภาษีต้องจ่ายแต่อย่างใด


หากคุณเป็นหนึ่งคนที่มีรายได้และต้องยื่นภาษีประจำปี แต่ยังไม่แน่ใจว่า รายได้ประจำปีของคุณต้องเสียภาษีหรือไม่ คุณสามารถคำนวณภาษีกับ iTAX ก่อนได้ หรือหากคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี และต้องการตัวช่วยลดหย่อนภาษี สามารถมองหาตัวช่วยดีๆได้ที่ iTAX shop รับรองว่า เราสามารถช่วยให้คุณจ่ายภาษีได้ถูกลงแน่นอน!!


สรุป

ถ้าคุณมีรายได้จากงานประจำเพียงทางเดียว

  • ถ้าเงินเดือนไม่เกิน ฿10,000 = ไม่ต้องยื่นภาษี
  • ถ้าเงินเดือนไม่เกิน ฿26,583.33 = ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • ถ้าเงินเดือนเกิน ฿26,583.33 = ต้องยื่นภาษี และต้องเสียภาษีด้วย
iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
(100K+)