‘สรรพากร’ เด้งรับนโยบายนายกฯ รับฟังทุกฝ่ายปม “ภาษีคริปโต”

ทั่วไป

‘สรรพากร’ พร้อมขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรี เปิดรับฟังทุกฝ่ายเพื่อหาทางออก ปมประเด็น “ภาษีคริปโต” ทุกอย่างต้องชัดเจนภายในเดือนมกราคม 2565

10 มกราคม 2565 – กรมสรรพากรได้แถลงข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับปมประเด็น “ภาษีคริปโต” เรื่อง สรรพากรขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรี เปิดรับฟังทุกฝ่ายเพื่อหาทางออก หลังจากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้กรมสรรพากร เร่งสร้างความชัดเจนในเรื่องของหลักเกณฑ์การคิดคำนวนภาษีจากกำไรการขายหรือการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรน ให้แก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไป

อธิบดีกรมสรรพากรย้ำ หลักเกณฑ์ “ภาษีคริปโต” เสร็จภายในเดือนนี้

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “ขณะนี้กรมสรรพากรกำลังเร่งดำเนินการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาแนวทางในเรื่องของหลักเกณฑ์การคิดภาษีจากกำไรการขายหรือการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนซี ให้มีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบัน คาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในเดือนมกราคม 2565”

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทางกรมสรรพากรได้เร่งหารือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เป็นต้น รวมถึงเดินหน้าเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนที่ดำเนินการในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อนำมาจัดทำแนวทางการปฏิบัติในการเก็บภาษีจากสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับรูปแบบการลงทุนและบริบทในปัจจุบัน โดยยึดถือประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและทุกฝ่ายเป็นสำคัญ

ยึดแนวทางของการถือเอาผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง พร้อมรับฟังทุกฝ่าย

ในช่วงเกือบปีที่ผ่านมา การลงทุนและการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนชีของประเทศไทย มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ถือได้ว่าเป็นเรื่องใหม่ทั้งสำหรับผู้เสียภาษีและกรมสรรพากร ซึ่งกรมสรรพากรไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ได้มีการศึกษาและประมวลผลต่างๆ มาโดยตลอด

แต่ต้องยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย ซึ่งทางกรมสรรพากรกำลังเร่งดำเนินการเพื่อหาความชัดเจนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ดีกรมสรรพากรยังคงยึดแนวทางของการถือเอาผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง (Taxpayer – Centric) จึงพร้อมที่จะหาแนวทางปฏิบัติเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่นักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องจากการถือครองหรือได้รับผลประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการลงทุนและสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากนวัตกรรมทางการเงินดังกล่าวของประเทศต่อไป”

สรรพากร ภาษีคริปโต

ย้อนร้อยประเด็น สรรพากร กับ ภาษีคริปโต ในไทย เริ่มจากโฆษกสรรพากรชี้แจง ต้องเสียภาษีจากกำไรเป็นรายธุรกรรม

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 คุณสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี และโฆษกกรมสรรพากร ได้ออกมาชี้แจงประเด็น “ภาษีคริปโต” ในนามกรมสรรพากรในรายการ Morning Wealth ของ The Standard Wealth สำหรับข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับภาษีคริปโต เป็นเวลา 30 นาที (ช่วงครึ่งหลังตั้งแต่นาทีที่ 30 เป็นต้นไป)

จากคำชี้แจงของโฆษกกรมสรรพากรภายในรายการ จึงนำมาสู่สถานการณ์ภาษีคริปโตของไทยซึ่งสรุปได้เป็น 10  ประเด็นสำคัญ ดังนี้

  1. กำไรจากการขายคริปโตตามกฎหมายไทย คิดเป็น “รายธุรกรรม” กล่าวคือ หากธุรกรรมแรกมีกำไร 100 บาท ธุรกรรมที่สองขาดทุน 100 บาท ผู้เสียภาษีจะต้องนำกำไร 100 บาทจากธุรกรรมแรกมายื่นภาษี ส่วนธุรกรรมที่สองซึ่งขาดทุน 100 บาท ไม่สามารถนำมาหักกลบจากกำไรของธุรกรรมแรกได้
  2. ถ้าซื้อขายผ่านกระดานเทรด (Exchange) แล้วเก็บเงินเอาไว้ในกระดานเทรดโดยไม่ได้ถอนเงินสดออกมา ก็ต้องเสียภาษีอยู่ดี เพราะภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใช้เกณฑ์เงินสด (cash basis) คือ เกิดรายได้เมื่อไหร่เป็นรายได้เมื่อนั้น ดังนั้น หากขายคริปโตแล้วได้กำไร ย่อมเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แม้ว่าเงินนั้นจะยังไม่ได้ถอนออกมา แต่ยังไม่มีคำชี้แจงกรณีนำเหรียญนึงไปแลกกับคู่เหรียญอื่นๆ ว่าจะเกิดกำไรได้หรือไม่ และยังไม่ได้ชี้แจงในกรณีนำเหรียญไปแลกกับ stable coin ว่าถือว่ามีกำไรแล้วหรือไม่
  3. เหรียญที่ได้จากการ Locked Staking ก็ต้องเสียภาษีเหมือนกัน มองเหมือนดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร แต่ยังไม่มีคำชี้แจงว่าหากเหรียญที่ได้รับมูลค่า 5 บาทนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงมูลค่าระหว่างปี จะให้ใช้มูลค่าใดนำแสดงเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี
  4. กรมสรรพากรได้พูดคุยกับกระดานเทรดในประเด็นภาษีคริปโตแล้วเพื่อหาทางอำนวยความสะดวกสำหรับการส่งธุรกรรมที่เกิดขึ้นของผู้เสียภาษีให้กรมสรรพากร ซึ่งเป็นเรื่องความร่วมมือในอนาคต
  5. รายได้จากการขุด (Mining) สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามจริง แต่ยังไม่ได้ชี้แจงว่าใช้มูลค่า ณ เวลาใดสำหรับแสดงเป็นรายได้ (เช่น อ้างอิงมูลค่า ณ เวลาที่ขุดได้?)
  6. โฆษกกรมสรรพากรยืนยันว่ากรมสรรพากรมี big data และมีการทำ data analytics เพื่อวิเคราะห์ว่าผู้เสียภาษีรายใดจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มไม่เสี่ยง หากเจ้าหน้าที่สรรพากรมีข้อสงสัยว่าแสดงรายได้ไม่ครบถ้วน ก็สามารถขอเชิญให้ผู้เสียภาษีชี้แจงได้ หากพิสูจน์ได้ว่าแสดงรายได้ครบถ้วนแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าพบว่าผู้เสียภาษีแสดงรายได้ต่ำกว่าข้อมูลที่กรมสรรพากรมี ทางกรมจะขอให้ผู้เสียเสียภาษียื่นและชำระภาษีเพิ่มเติมจากส่วนที่ขาด ซึ่งหากเป็นการชำระเพิ่มเติมหลังจากหมดเวลายื่นภาษีประจำปีแล้ว จะต้องชำระเงินเพิ่ม (ดอกเบี้ยเนื่องจากชำระภาษีล่าช้า) โดยคำนวณจากเฉพาะภาษีที่ชำระไว้ขาด ในอัตรา 1.5% ต่อเดือน แต่ไม่มีค่าปรับอื่นเพิ่มเติมแต่อย่างใด เนื่องจากยื่นภาษีแล้ว เพียงแต่แสดงรายได้ไม่ครบถ้วน
  7. กรมสรรพากรยอมรับว่ามีปัญหาในทางปฏิบัติที่ต้องให้ผู้ขายแจ้งผู้ซื้อว่าตนมีกำไรเท่าไหร่จากธุรกรรมดังกล่าว แต่ถ้าผู้ขายไม่แจ้งผู้ซื้อว่าตนมีกำไรเท่าไหร่ ก็ให้ผู้ซื้อหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% จากยอดซื้อทั้งจำนวนเลย ดังนั้น ผู้ขายต้องรักษาสิทธิ์ของตนโดยแจ้งผู้ซื้อให้ทราบก่อนว่าตนมีกำไรเท่าไหร่ เพื่อให้หักภาษี ณ ที่จ่ายได้อย่างถูกต้อง
  8. กรมสรรพากรเข้าใจว่าในทางปฏิบัติอาจมีข้อสงสัยว่าการซื้อขายผ่านกระดานเทรด จะเป็นการตั้งราคาเสนอซื้อ-ขาย ซึ่งผู้ซื้อไม่อาจทราบได้ว่าผู้ขายเป็นใคร จะหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ผ่านระบบของกระดานเทรดได้อย่างไร รวมถึงจะระบุชื่อผู้ขายและส่งหนังสือรับรองการให้ภาษี ณ ที่จ่ายให้ผู้ขายด้วยวิธีการใด ซึ่งกรมสรรพากรมีความตั้งใจจะอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียภาษี โดยกำลังหารือแนวทางดังกล่าวกับกระดานเทรดเพื่อหาความชัดเจนขึ้นในอนาคต
  9. กฎหมายออกมาตั้งแต่ปี 2561 แต่ที่เพิ่งเริ่มเคลื่อนไหวปี 2565 เพราะกรมสรรพากรพบว่าในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา มีการเทรดกันอย่างคึกคัก จึงมีความห่วงใยผู้เสียภาษีว่าจะลืมไปว่ารายได้จากการขายคริปโตเคอร์เรนซี่จะต้องนำมาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2564 ในช่วงต้นปี 2565 ด้วย จึงประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียภาษีทราบถึงหน้าที่ดังกล่าว จะได้ไม่หลุดหลงไปจนลืมยื่นภาษีและรับบทลงโทษในภายหลัง ทั้งนี้ เนื่องจากเดิมกฎหมายภาษีคริปโตเกิดขึ้นเมื่อปี 2561 ซึ่งสถานการณ์ตลาดคริปโตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ก็มีโอกาสที่กฎหมายภาษีคริปโตอาจเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ เหมือนดังเช่นในอดีตที่ไม่เคยมีกฎหมายกำหนดว่ากำไรจากคริปโตเป็นเงินได้ประเภทใด จนเมื่อปี 2561 จึงกำหนดให้ชัดเจนว่าเป็นเงินได้จากการลงทุนกลุ่มเดียวกับพวกดอกเบี้ย เงินปันผล
  10. แนวปฏิบัติที่ชัดเจนของกรมสรรพากรจะออกมาในรูปแบบ Q&A ภายในเดือนนี้เลย (มกราคม 2565) ซึ่งจะเป็นมาตรฐานที่ใช้ร่วมกันทั้งผู้เสียภาษีและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่นขึ้นในการปฏิบัติจริง
iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
(100K+)