กรอกราคาก่อน VAT หรือ ราคารวม VAT หรือ ยอดที่ต้องโอนหลังหักภาษี ณ ที่จ่าย แล้วแต่กรณี เพื่อให้โปรแกรม iTAX คำนวณตัวเลขได้อย่างถูกต้อง
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย หรือเรียกเต็มๆ ว่า ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นภาระภาษีที่ผู้จ่ายเงิน (เช่น นายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ฯลฯ) จะต้องหักออกจากเงินค่าจ้างหรือค่าบริการก่อนจ่ายให้ผู้รับเงิน แล้วนำส่งกรมสรรพากรแทนผู้รับเงิน เช่น ผู้รับจ้างได้รับค่าจ้าง 10,000 บาท และถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 3% ผู้รับจ้างจะได้รับเงินจริง 9,700 บาท โดยอีก 300 บาท จะเป็นภาษีเงินได้ที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย ซึ่งผู้จ่ายเงินจะต้องทำหน้าที่ออกใบ 50 ทวิ (หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย) เพื่อเป็นหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย 300 บาท จากยอดเงิน 10,000 บาทด้วย โดยการจัดทำและนำส่งใบ 50 ทวิ เป็นหน้าที่ของผู้จ่ายเงินที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบกระดาษหรือไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
เมื่อผู้จ่ายเงินหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว จะมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีดังกล่าวภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป (กรณียื่นผ่านระบบ E-FILNG)
ผู้ให้บริการ เรียกเก็บค่าบริการ เป็นเงิน 10,000 บาท และต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 3%
ก่อนจะจ่ายเงิน 10,000 บาท ผู้จ่ายเงินจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายก่อน เป็นเงิน 300 บาท (3% ของเงินค่าบริการ) ทำให้ผู้รับเงินจะได้รับโอนเงิน 9,700 บาท พร้อมกับได้รับใบ 50 ทวิเพื่อเป็นหลักฐานว่าเงินค่าบริการนี้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว 300 บาท
หากผู้ให้บริการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้จ่ายเงินในฐานะลูกค้ามักจะถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยในอัตรา 7% ของค่าบริการ แต่ในขณะเดียวกันผู้จ่ายเงินก็มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากผู้ให้บริการด้วยเช่นกัน
ดังนั้น หากผู้ให้บริการ เรียกเก็บค่าบริการ เป็นเงิน 10,000 บาท และเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% ผู้จ่ายเงินจะถูกเรียกเก็บค่าบริการรวม VAT แล้วเป็นเงิน 10,700 บาท (ค่าบริการ 10,000 บาท + VAT 700 บาท)
หากผู้จ่ายเงินต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 3% จากค่าบริการ ก่อนจะจ่ายค่าบริการดังกล่าว ผู้จ่ายเงินจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายก่อน เป็นเงิน 300 บาท ซึ่งคำนวณจาก 3% ของเงินค่าบริการ 10,000 บาท (ไม่ใช่ 3% ของค่าบริการแบบรวม VAT แล้ว)
ดังนั้น ผู้รับเงินจะได้รับโอนเงิน 10,400 บาท (ค่าบริการรวม VAT 10,700 บาท - ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 300 บาท) พร้อมกับได้รับใบ 50 ทวิเพื่อเป็นหลักฐานว่าเงินค่าบริการนี้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว 300 บาท ในขณะที่ผู้จ่ายเงินจะต้องได้รับใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ให้บริการ (ผู้รับเงิน) เพื่อเป็นหลักฐานการเก็บ VAT เพื่อนำไปใช้เป็นภาษีซื้อในรอบเดือนภาษีนั้นๆ ต่อไป
โดยปกติผู้จ่ายเงินจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินและประเภทของเงินที่จ่าย รวมถึงสถานะของผู้รับเงินด้วย ซึ่งมักเป็นอัตราคงที่ 1% - 15% แล้วแต่กรณี
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี ผู้จ่ายเงินอาจไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายก็ได้ เช่น ค่าจ้างนั้นมูลค่าไม่ถึง 1,000 บาท (ไม่เกิน 999.99 บาท) หรือจ่ายเงินค่าซื้อสินค้าตามสัญญาซื้อขาย เป็นต้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหักภาษี ณ ที่จ่าย https://www.itax.in.th/pedia/ภาษีเงินได้หัก-ณ-ที่จ่าย/
หากเป็นการหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับการจ่ายเงินเดือนพนักงาน จะไม่ได้ใช้อัตราคงที่ เหมือนกรณีข้างต้น หากแต่ผู้จ่ายเงิน (นายจ้าง) จะต้องคำนวณภาษีเงินได้ที่อาจเกิดขึ้นตลอดทั้งปี ซึ่งต้องคำนวณจากเงินเดือนที่คาดว่าจะได้รับตลอดทั้งปี รวมถึงค่าลดหย่อนที่อาจได้รับสิทธิ์ตลอดทั้งปีด้วย ซึ่งพนักงานแต่ละคนอาจถูกหักภาษีในอัตราที่แตกต่างกัน และอาจมีภาระอื่นที่ต้องดำเนินการพร้อมกับการจ่ายเงินเดือนพนักงานด้วย เช่น การคำนวณและหักประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เป็นต้น
ในทางปฏิบัติ นายจ้างจำนวนมากจึงมักให้ผู้มีความชำนาญช่วยตรวจสอบหรือเลือกใช้โปรแกรม payroll software ที่เชื่อถือได้เพื่อคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้ถูกต้องตามมาตรฐานของกรมสรรพากร เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ iTAX paystation คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายถูกต้องตามมาตรฐานของกรมสรรพากร