Contents

เงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise (วิสาหกิจเพื่อสังคม)

47,668 views

โดย ผศ. ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชากฎหมายภาษีอากร

เงินลงทุนธุรกิจวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ใช้เป็นค่าลดหย่อนได้ ตามที่จ่ายจริง สูงสุดปีละ ฿100,000 สำหรับคนที่ลงหุ้นหรือลงทุนในธุรกิจ Social Enterprise โดยตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป1

ค่าลดหย่อนเงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ

คนที่ลงหุ้นหรือลงทุนในธุรกิจ Social Enterprise สามารถนำเงินเข้าหุ้นหรือเงินลงทุนนั้นไปใช้เป็นค่าลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุดปีละไม่เกิน ฿100,000

การลงทุนในธุรกิจ Social Enterprise เพื่อลดหย่อนภาษีนี้จึงอาจทำในฐานะทีมงานผู้ร่วมการก่อตั้งธุรกิจ Social Enterprise เอง หรือในฐานะนักลงทุนอิสระ (Angel Investor) ที่ร่วมลงทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจ Social Enterprise ก็ได้

เงื่อนไขการรับสิทธิ

คุณเองก็มีสิทธิหักลดหย่อนเงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise ได้ถ้าทำตามเงื่อนไขทั้งหมดต่อไปนี้

1. จ่ายเงินเพื่อลงหุ้นหรือลงทุนในการจัดตั้งหรือเพิ่มทุนของธุรกิจ Social Enterprise ที่เป็น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้ว

2. ธุรกิจ Social Enterprise ที่อยู่ในเกณฑ์ลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีได้ดังกล่าวจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้2

  • ต้องเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลของไทย ที่ดำเนินกิจการเก่ียวกับการผลิต การจำหน่ายสินค้า หรือการบริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสังคมเป็นเป้าหมายหลักของกิจการ และได้รับการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 แล้ว
  • ธุรกิจ Social Enterprise ดังกล่าวต้องจดแจ้งความประสงค์ต่ออธิบดีกรมสรรพากรแล้ว เพื่อเป็นธุรกิจ Social Enterprise ที่ให้สิทธิลดหย่อนแก่ผู้ลงทุนได้

3. ผู้ลงทุนในหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนที่จะได้รับสิทธิลดหย่อนต้องถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจ Social Enterprise นั้นจนกว่าจะเลิกกิจการ เว้นแต่อธิบดีกรมสรรพากรจะประกาศกำหนด

ลักษณะของวิสาหกิจเพื่อสังคม

วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่อยู่ในเกณฑ์ลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีได้จะต้องอยู่เกณฑ์ที่สามารถจดทะเบียนเป็น Social Enterprise ได้ โดยมีลักษณะสำคัญ ดังนี้3

  1. มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการจ้างงานแก่บุคคลผู้สมควรได้รับการส่งเสริมเป็นพิเศษ การแก้ไขปัญหาหรือ พัฒนาชุมชน สังคม หรือส่ิงแวดล้อม หรือเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอื่นหรือคืนประโยชน์ให้แก่สังคมตามท่ีรัฐมนตรีประกาศกำหนด
  2. มีรายได้ไม่น้อยกว่า 50% มาจากการจาหน่ายสินค้าหรือการบริการ เว้นแต่กิจการที่ไม่ประสงค์จะแบ่งปันกำไรให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นอาจมีรายได้น้อยกว่า 50% มาจากการจำหน่ายสินค้าหรือการบริการ
  3. นำผลกำไรไม่น้อยกว่า 70% ไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ตาม ข้อ 1 และแบ่งปันกำไรให้แก่ผู้เป็นเจ้าของกิจการ หรือผู้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 30% ของผลกำไรทั้งหมด โดยให้ถือว่าการลงทุนในกิจการของตนเองซึ่งมีกระบวนการผลิตหรือการบริการที่มีลักษณะตามข้อ 1 หรือการขยายกิจการเพื่อวัตถุประสงค์ตามข้อ 1 ตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมประกาศกำหนดเป็นการนำผลกาไรไปใช้เพื่อสังคม
  4. มีการกำกับดูแลกิจการท่ีดี
  5. ไม่เคยถูกเพิกถอนการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม เว้นแต่พ้นกำหนด 2 ปีนับถึงวันยื่นคำขอจดทะเบียนเพื่อขอรับการส่งเสริมหรือสนับสนุน
  6. ไม่มีหุ้นส่วน กรรมการหรือผู้มีอานาจจัดการแทนนิติบุคคล หรือผู้ถือหุ้นซึ่งถือหุ้นต้ังแต่ 25% ข้ึนไป ซึ่งเคยเป็นหุ้นส่วน กรรมการหรือผู้มีอานาจจัดการแทนนิติบุคคล หรือผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 25% ขึ้นไป ในกิจการท่ีเคยถูกเพิกถอนการจดทะเบียนตามข้อ 5 เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนร่วมหรือรู้เห็นกับการกระทาของนิติบุคคลท่ีเป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนการจดทะเบียน

หลักฐานที่ต้องใช้

  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นท่ีขอจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่มีชื่อเราเป็นผู้ถือหุ้น ณ วันที่ลงหุ้นหรือลงทุนในการจัดตั้งหรือเพิ่มทุนของ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
  • หนังสือรับรองการจ่ายเงินเพื่อลงหุ้นหรือลงทุนในการจัดตั้งหรือเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

คุณมีสิทธิลดหย่อนอะไรบ้าง?

ให้แอป iTAX ค้นหาค่าลดหย่อนและรักษาสิทธิประโยชน์ที่คุณอาจไม่เคยรู้

โหลด app iTAX


อ้างอิง

  1. ^

    มาตรา 6 พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 735) พ.ศ. 2564

  2. ^

    มาตรา 11 พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 735) พ.ศ. 2564

  3. ^

    มาตรา 5 พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562