ขยายเวลารับเงินเยียวยา 5,000 จาก 3 เดือน เพิ่มเป็น 6 เดือน

ทั่วไป

7,663 VIEWS

เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพของคนในสังคม ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบ และหนึ่งในมาตรการของรัฐบาล คือ มาตรการชดเชยรายได้ สำหรับบุคคลที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม 

อย่างที่หลายๆ คนทราบกันดีว่า หากต้องการรับเงินเยียวยาจาก มาตรการชดเชยรายได้ สำหรับบุคคลที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม จะต้องทำการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com และหากผ่านการพิจารณา คุณจะได้รับเงินเยียวยาจากภาครัฐจำนวน 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2563) นั้น มีความคืบหน้าจากมติคณะรัฐมนตรีในวันที่ 7 เมษายน 2563 ดังนี้

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า

วันนี้ (7 เมษายน 2563) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายความช่วยเหลือ ผ่านมาตรการชดเชยรายได้ สำหรับบุคคลที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) เพิ่มจาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน โดยจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่ลงทะเบียนและได้รับอนุมัติตามระบบต่อไป

ระยะเวลารับเงินเยียวยาเดิม ระยะเวลารับเงินเยียวยาใหม่
เดือนเมษายน – มิถุนายน 2563 เดือนเมษายน – กันยายน 2563

ส่วนเรื่องการขยายจำนวนผู้ได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท เพิ่มจาก 3 ล้านคน เป็น 9 ล้านคนหรือไม่นั้น อาจจะต้องพิจารณาจากจำนวนผู้ลงทะเบียนที่อยู่ในระบบตอนนี้ก่อน ซึ่งอาจจะต้องรอติดตามสถานการณ์กันอีกครั้ง

มาตรการช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบที่ไม่สามารถลงทะเบียนรับเงิน 5,000 ได้ ประกอบไปด้วย

1. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร

สำหรับเกษตรกรที่ไม่เข้าเกณฑ์และไม่สามารถลงทะเบียนรับเงิน 5,000 บาท จากมาตรการชดเชยรายได้นั้น อาจจะต้องใช้หลักครัวเรือนตามที่เคยดูแลมาก่อนหน้า ซึ่งรายละเอียดและรูปแบบการชดเชยรายได้นั้น อยู่ในขั้นตอนที่รัฐบาลกำลังพิจารณาอยู่

2. มาตรการช่วยเหลือการเลิกจ้างงาน

แบ่งการช่วยเหลือออกเป็น 2 มาตรการ คือ

  • มาตรการเพิ่มสภาพคล่องแก่นายจ้าง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่เจ้าของกิจการและนายจ้างที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
  • มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงาน สำหรับผู้ที่ตกงานหรือถูกเลิกจ้าง ที่มีสาเหตุมาจากการระบาดของโควิด-19 หากเป็นแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม (ผู้ประกันตนตามมาตรา 33) สามารถลงทะเบียน เพื่อรับเงินชดเชยว่างงาน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th (ดูวิธีการลงทะเบียนได้ที่ ลงทะเบียนว่างงาน-covid19)

พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้ฉุกเฉิน ณ วันที่ 7 เมษายน 2563 ประกอบไปด้วย

วันที่ 7 เมษายน 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 3 ฉบับ และ พ.ร.บ. 1 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ครอบคลุมทุกๆ ด้าน ได้แก่

1. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท

ร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน โดยมีวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินจากแหล่งเงินทุนในประเทศ และกำหนดว่าจะต้องดำเนินการกู้เงินให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 กันยายน 2564 และให้เป็นการทยอยกู้ ตามวัตถุประสงค์และความเหมาะสมในการใช้งบประมาณ โดยจัดแบ่งแผนงานออกเป็น 2 แผนคือ

1.1 ด้านสาธารณสุข และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กำหนดวงเงินไว้ที่ 600,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย

  • มาตรการเยียวยาประชาชน 6 เดือน
  • เยียวยาเกษตรกร และ
  • ดูแลด้านสาธารณสุข

1.2 ด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ครอบคลุมโครงการดูแลและสนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่ กำหนดวงเงินไว้ที่ 400,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย

  • สนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจในชุมชน
  • สนับสนุนและพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานในระดับพื้นที่

2. ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจแก่ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อดูแลภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ กลุ่มธุรกิจขนาดย่อย (SME) เป็นวงเงิน 500,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย

  • สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อัตราดอกเบี้ย 2% สำหรับกลุ่มธุรกิจที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท
  • มาตรการพักชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพ.) และ การกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) จะออกมาตรการพักชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้แก่กลุ่มธุรกิจ SME ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท

3. ดูแลเสถียรภาพการเงิน

ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อใช้ดูและเสถียรภาพทางการเงิน ผ่านการจัดตั้งกองทุนรวม และให้ ธปท. เป็นผู้ดำเนินการซื้อขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวม (กองทุนเสริมสภาพคล่องตลาดทุน) เป็นวงเงิน 400,000 แสนล้านบาท

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า

สำหรับพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังสามารถดำเนินการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในวันนี้ จะถูกนำไปช่วยเหลือประชาชนตามมาตรการชดเชยรายได้ สำหรับบุคคลที่ไม่อยู่ระบบประกันสังคม เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตามที่มีมติให้ขยายระยะเวลาจ่ายเงินเยียวยา

และสำหรับการกู้เงินที่จะใช้ไปกับการแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ภัยพิบัติ และโรคระบาดนั้น กระทรวงการคลังจะกู้เงินจากแหล่งเงินทุนภายในประเทศก่อนที่จะมีการพิจารณากู้เงินจากต่างประเทศ

iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
(100K+)