ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) 40% ประกาศเป็นกฎหมายแล้ว

ทั่วไป

14,755 VIEWS

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่เข้ามาทั้งคัน ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) 40% โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 22 เมษายน 2565 – 31 ธันวาคม 2566

4 พฤษภาคม 2565 – เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่เข้ามาทั้งคัน โดยมีสาระสำคัญคือ

  1. รถยนต์ไฟฟ้าแบบประกอบสำเร็จรูปและนำเข้ามาทั้งคัน ที่ราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้าสูงสุด 40%
  2. รถยนต์ไฟฟ้าแบบประกอบสำเร็จรูปและนำเข้ามาทั้งคัน ที่มีขนาดตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป และราคาขายปลีกแนะนำเกิน 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้าสูงสุดเหลือ 60%

ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ตามมติ ครม. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565

มาตรการ “ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า” ดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่เห็นชอบให้ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศและนำเข้าทั้งคัน (Completely Built Up : CBU) สูงสุดร้อยละ 40 สำหรับรถยนต์ถึงปี 2566

ทั้งนี้ รายละเอียดของประกาศฯ ฉบับดังกล่าวเป็นดังนี้

ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่เข้ามาทั้งคัน 

เพื่อประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ในประกาศนี้

“รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป” หมายความว่า รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนแบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle : BEV) ซึ่งประกอบสำเร็จรูปและนำเข้ามาทั้งคัน (Completely Built Up : CBU)

ข้อ 2 ให้ลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่นำเข้าตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ดังต่อไปนี้

(1) รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกินสองล้านบาทให้ได้รับการลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากร ดังต่อไปนี้

(ก) ผู้นำของเข้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีแล้ว ยังมีอัตราอากรที่ต้องชำระไม่เกินร้อยละสี่สิบ ให้ได้รับการยกเว้นอากร

(ข) ผู้นำของเข้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีแล้ว ยังมีอัตราอากรที่ต้องชำระมากกว่าร้อยละสี่สิบ ให้ได้รับการลดอัตราอากรลงอีกร้อยละสี่สิบ

(ค) ผู้นำของเข้าที่ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีให้ได้รับการลดอัตราอากรลงเหลือร้อยละสี่สิบ

(2) รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่มีขนาดตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไปและมีราคาขายปลีกแนะนำมากกว่าสองล้านบาทแต่ไม่เกินเจ็ดล้านบาท ให้ได้รับการลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากร ดังต่อไปนี้

(ก) ผู้นำของเข้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีแล้ว ยังมีอัตราอากรที่ต้องชำระไม่เกินร้อยละยี่สิบ ให้ได้รับการยกเว้นอากร

(ข) ผู้นำของเข้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีแล้ว ยังมีอัตราอากรที่ต้องชำระมากกว่าร้อยละยี่สิบ ให้ได้รับการลดอัตราอากรลงอีกร้อยละยี่สิบ

(ค) ผู้นำของเข้าที่ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีให้ได้รับการลดอัตราอากรลงเหลือร้อยละหกสิบ

ข้อ 3 การลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรตามข้อ 2 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

(1) ผู้นำของเข้าตามข้อ 2 (1) ต้องแสดงหนังสือรับรองการแสดงการได้รับสิทธิจากกรมสรรพสามิต (ยฟ. 01-02/1)

(2) ผู้นำของเข้าตามข้อ 2 (2) ต้องแสดงหนังสือรับรองการแสดงได้รับสิทธิจากกรมสรรพสามิต (ยฟ. 01-02/2)

ข้อ 4 ในกรณีที่ผู้นำของเข้าไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตกำหนด และกรมสรรพสามิตได้แจ้งเพิกถอนหนังสือรับรองการแสดงการได้รับสิทธิสำหรับของใดกับกรมศุลกากรแล้ว ให้ถือว่าของนั้นไม่ได้รับสิทธิลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรตามประกาศนี้ตั้งแต่วันนำของเข้า และผู้นำของเข้ามีหน้าที่

ต้องแจ้งขอชำระค่าภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนสิทธิ และต้องชำระค่าภาษีอากรให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจำนวนเงินค่าภาษีอากร แต่ไม่ถูกตัดสิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรในการลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรตามความตกลงการค้าเสรีที่ได้ยื่นไว้ในขณะนำของเข้า

ข้อ 5 ผู้นำของเข้าต้องปฏิบัติตามพิธีการที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศกำหนด

ข้อ 6 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ลงประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน 2565

4 มาตรการ “ลดภาษีรถ EV” ปี 2565-2568

ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 มีวาระการประชุมที่สำคัญที่เข้าสู่การพิจารณา กระทรวงพลังงานได้เสนอมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ(บอร์ดอีวี) ครั้งที่ 3/2564 และครั้งที่ 1/2565 ซึ่งเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รถอีวี หรือ รถ EV ทั้งระบบ โดยเฉพาะการสนับสนุนดีมานต์ผู้ใช้รถอีวีในประเทศ โดยแพคเกจที่บอร์ดอีวีจะมีการเสนอนั้นครอบคลุม ทั้งรถยนต์ รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแล้ว ดังนี้

  1. เงินอุดหนุนรถยนต์และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน
  2. ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จากร้อยละเป็นร้อยละและรถกระบะเป็นร้อยละ 0
  3. ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศและนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุดร้อยละ 40 สำหรับรถยนต์ถึงปี 2566
  4. ยกเว้นอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ

ทั้งนี้ ค่ายรถที่เข้าร่วมต้องรับเงื่อนไข ได้แก่ ผลิตชดเชยให้เท่ากับจำนวนที่นำเข้า CBU ช่วงปี 2565-2566 ในปี2567 แต่ขยายเวลาได้ ถึงปี 2568 จะต้องผลิตในอัตราส่วน 1.5 เท่า (นำเข้า 1 คัน ผลิต 1.5 คัน) ผู้ใช้สิทธิ์จะผลิต BEV รุ่นใดก็ได้เพื่อชดเชย ยกเว้นรถที่มีราคาขายปลีกราคา 2-7 ล้านบาท ต้องผลิตรุ่นเดียวกับที่นำเข้ามา เป็นต้น

iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
(100K+)