แจ้งเหตุจำเป็นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

ทั่วไป

2,198 VIEWS

กกต. เปิดช่องทาง แจ้งเหตุจำเป็นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ บนเว็บไซต์ กกต. สำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปเลือกตั้งที่ผ่านมา

แจ้งเหตุจำเป็นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผ่านช่องทางออนไลน์

ขั้นตอนการกรอกข้อมูลเพื่อแจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์

  1. ไปที่เว็บไซต์ https://stat.bora.dopa.go.th/Election/abscause/#/main
  2. กรอกบัตรประชาชน 13 หลัก
  3. กรอกรหัสหลังบัตรประชาชน Laser ID
  4. กรอกชื่อภาษาไทย (โดยไม่ต้องมีคำนำหน้า)
  5. กรอกนามสกุลภาษาไทย
  6. กรอกวันเดือนปีเกิดตามบัตรประชาชน
  7. กดเลือก “ฉันไม่ใช่โปรแกรมอัตโนมัติ” 
  8. กด “ตรวจสอบข้อมูล”
  9. เลือกสาเหตุไม่ไปใช้สิทธิ ซึ่งมีตัวเลือก ได้แก่
    • มีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
    • เจ็บป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
    • เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
    • เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
    • มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตร
    • ได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้ง
    • เหตุสุดวิสัยหรือเหตุอื่นที่คณะกรรมการกำหนด
  10. กด “บันทึกข้อมูล”

กรณีไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันเลือกตั้ง

1. กรณีมีเหตุอันสมควร

ในการเลือกตั้งคร้ังใด ถ้าผู้มีสิทธิเลือกต้ังไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกต้ังได้เนื่องจากมีเหตุอันสมควร ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการการเลือกต้ังกำหนด ภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้งหรือภายใน 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง

แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นไม่อาจแจ้งได้ภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง ให้ดำเนินการแจ้งตามท่ีคณะกรรมการการเลือกต้ังกำหนด ทั้งนี้ การแจ้งเหตุดังกล่าวไม่เป็นการตัดสิทธิท่ีผู้น้ันจะไปใช้สิทธิเลือกต้ังหากภายหลังสามารถเดินทางไปเลือกตั้งได้

อย่างไรก็ตาม การแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทำเป็นหนังสือหรือโดยวิธีการอื่นเพื่อชี้แจงเหตุดังกล่าว โดยสามารถมอบหมายให้บุคคลใดไปยื่นต่อบุคคลซึ่ง กกต. แต่งต้ังแทน หรือ จัดส่งหนังสือชี้แจงเหตุนั้นทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้

ถ้า กกต. เห็นว่าไม่ใช่เหตุอันสมควร จะแจ้งให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทราบภายใน 3 วันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้งเหตุ

2. กรณีไม่มีเหตุอันสมควร

หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุท่ีไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกต้ังแล้วแต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันสมควร ผู้น้ันถูกจำกัดสิทธิ ดังต่อไปน้ี

บทลงโทษกรณีไม่ไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ โดยไม่มีเหตุอันสมควร

  1. ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้
  2. ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้านตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ได้
  3. ไม่สามารถเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วย การลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้
  4. ไม่สามารถดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และ ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองได้
  5. ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นได้
  6. ไม่สามารถดำรงตำแหน่งเลขานกุารประธานสภาท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาท้องถิ่นและ เลขานุการรองประธานสภาท้องถิ่นได้

ระยะเวลาจำกัดสิทธิ

การจำกัดสิทธิมีกำหนดเวลาคร้ังละ 2 ปีนับแต่วันเลือกต้ังครั้งท่ีผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกต้ัง

ทั้งนี้ หากในการเลือกต้ังครั้งต่อไปผู้นั้นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอีก ให้นับเวลาการจำกัดสิทธิคร้ังหลังนี้โดยนับจากวันท่ีมิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งใหม่ และหากกำหนดเวลาการจำกัดสิทธิครั้งก่อนยังเหลืออยู่เท่าใดก็ให้กำหนดเวลาการจำกัดสิทธินั้นสิ้นสุดลง

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปน้ี เป็นผู้มีสิทธิเลือกต้ังผู้ว่าฯ กทม.

  1. บุคคลที่มีสัญชาติไทยโดยการเกิด หรือมีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ โดยได้สัญชาติไทยมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 ปี
  2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีในวันเลือกตั้ง คือ เกิดวันที่ 22 พฤษภาคม 2547 หรือก่อนหน้านั้น
  3. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึง วันเลือกตั้ง และ
  4. คุณสมบัติอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดต้ังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด

บุคคลต้องห้ามใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ในวันเลือกตั้ง เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง

  1. เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช
  2. อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกต้ังไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
  3. ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
  4. วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
  5. มีลักษณะอื่นตามท่ีกฎหมายว่าด้วยการจัดต้ังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด
iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
(100K+)