เปิดบริการ dStatement รายการเดินบัญชีเงินฝากแบบ Digital

ทั่วไป

ธปท.ร่วมกับสมาคมธนาคารไทยและสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิดบริการ dStatement (digital bank statement) เพื่อรับส่งข้อมูลผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อใช้บริการทางการเงิน-ขอสินเชื่อ อัตราเพดานค่าธรรมเนียมไม่เกิน 75 บาทต่อบัญชี เริ่มเปิดตัวธนาคาร 6 แห่ง คาดช่วงกลางปีเพิ่มเป็น 11 แห่ง

24 มกราคม 2565 – นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ได้เปิดบริการ dStatement หรือ digital bank statement เป็นการให้บริการรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก (bank statement) ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลโดยตรงระหว่างสถาบันการเงินกันเอง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ต้องการข้อมูล bank statement เป็นหลักฐานประกอบการสมัครขอใช้บริการทางการเงิน โดยสามารถขอรับบริการผ่านช่องทางแอป mobile banking หรือช่องทางอื่นตามที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งกำหนด

เปิดบริการ dStatement หวังปลดล็อกข้อจำกัด เพิ่มความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงินของประชาชน

บริการ dStatement เป็นโครงการนำร่องโดยใช้ข้อมูลของประชาชน เพื่อปลดล็อกให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน และสามารถเปรียบเทียบการใช้บริการของแต่ละธนาคารได้ และช่วยประหยัดต้นทุน มีความรวดเร็ว และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ

อย่างไรก็ดี การให้บริการดังกล่าวจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลหรือลูกค้า รวมถึงมีการปกป้องลูแลความปลอดภัยของข้อมูลของลูกค้าไม่ให้รั่วไหล โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

“โดยในอนาคต ธปท.คาดหวังให้มีการต่อยอดบริการไปสู่ผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non-bank) หรือการขยายบริการไปสู่นิติบุคคล จากปัจจุบันสามารถใช้เฉพาะบุคคลธรรมดา รวมถึงการนำข้อมูลการเคลื่อนไหวทางบัญชีไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ หรือบริการอื่น เช่น การใช้ bank statement ไปขอวีซ่า เป็นต้น โดยจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานการแบ่งปันข้อมูล หรือ Open Data Ecosystem ที่จะได้ประโยชน์จากข้อมูลทั้งผู้ส่ง-รับ และเจ้าของข้อมูล”

กำหนดเพดานค่าธรรมเนียม dStatement ไม่เกิน 75 บาทต่อบัญชี

ดร.ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร รองผู้อำนวยการ กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร ธปท. กล่าวว่า สำหรับอัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการ dStatement เบื้องต้นกำหนดเพดานการเรียกเก็บไม่เกิน 75 บาทต่อบัญชี ทั้งนี้ แต่ละธนาคารอาจเรียกเก็บไม่เท่ากัน เนื่องจากมีระบบแตกต่างกัน

อย่างไรก็ดี ต้นทุนค่าธรรมเนียมปรับลดลงจากเดิมที่สถาบันการเงินคิดค่าธรรมเนียมเฉลี่ยอยู่ที่ 100-200 บาทต่อบัญชี โดยธปท. ตั้งเป้าลดต้นทุนหลังประชาชนหันมาใช้บริการ dStatement ในปีแรกอาจจะไม่สูง เนื่องจากจะต้องให้ความรู้ประชาชน และให้ประชาชนเข้ามายืนยันตัวตนเข้ามาในระบบมากที่สุด

เชื่อ dStatement ประหยัดต้นทุนได้ถึง 3 พันล้านบาท

จากการคำนวณสถิติคำขอสินเชื่อที่เข้ามาในระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2563 พบว่าอยู่ที่ 9.6 ล้านคำขอ และคาดว่าในปี 2564 คำขอสินเชื่อจะเพิ่มเป็น 10 ล้านคำขอ ซึ่งทาง ธปท. หวังว่าประชาชนจะหันมาใช้บริการ dStatement ราว 5-10% หรือราว 5 แสนถึง 1 ล้านคำขอ

ทั้งนี้ ต้นทุนการให้บริการ 1 คำขอตั้งแต่การส่งเอกสารจนจบกระบวนการจะมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 500 บาท ส่งผลให้ช่วยประหยัดต้นทุนไปได้ราว 250-500 ล้านบาท และในอนาคตหากประชาชนมีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้นและสามารถยืนยันตัวตนเข้าระบบได้มากขึ้น ธปท.ก็คาดหวังจะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการ dStatement ประมาณ 50% จะช่วยประหยัดต้นทุนได้ 2,500-3,000 ล้านบาท

ค่าบริการ dStatement ของแต่ละธนาคาร

  • กรุงศรี – ฟรี ตั้งแต่ 24 มกราคม – 30 มิถุนายน 2565
  • เกียรตินาคินภัทร – 1 บาท ต่อครั้งต่อบัญชี
  • กรุงเทพ – 75 บาท ต่อครั้งต่อบัญชี
  • กรุงไทย – 75 บาท ต่อครั้งต่อบัญชี
  • กสิกรไทย – 75 บาท ต่อครั้งต่อบัญชี
  • ไทยพาณิชย์ – 75 บาท ต่อครั้งต่อบัญชี

เปิดตัว 6 ธนาคาร พร้อมส่งข้อมูล dStatement ตั้งแต่วันนี้

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกสนับสนุนการพัฒนาบริการ dStatement มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงสินเชื่อของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง และช่วยยกระดับการให้บริการของธนาคารแต่ละแห่งให้ สอดคล้องกับกับแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีของสมาคมธนาคารไทย ในการนำระบบเทคโนโลยีมาสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมธนาคาร (Enable Country Competitiveness) ผ่านการสร้างแนวทางการเชื่อมโยงข้อมูลและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ลดต้นทุนจากกิจกรรมที่ซ้ำซ้อนกันโดยไม่จำเป็น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และรองรับการเปลี่ยนแปลงของภาคธนาคารในอนาคต

สำหรับธนาคารพาณิชย์ที่พร้อมบริการส่งข้อมูล dStatement ตั้งแต่วันนี้จะมีด้วยกัน 6 แห่ง ได้แก่

  1. ธนาคารกรุงเทพ
  2. ธนาคารกสิกรไทย
  3. ธนาคารไทยพาณิชย์
  4. ธนาคารกรุงไทย
  5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
  6. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร

ส่วนธนาคารที่พร้อมให้บริการรับข้อมูล dStatement มี 3 แห่ง ได้แก่

  1. ธนาคารกรุงเทพ
  2. ธนาคารกรุงไทย
  3. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร

โดยเบื้องต้นการให้บริการทั้ง 3 แห่งจะยังให้บริการอยู่ที่สาขาของธนาคาร

รอให้บริการ dStatement เพิ่มอีก 5 แห่งภายในช่วงกลางปี 2565

  1. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย
  2. ธนาคารทหารไทยธนชาต
  3. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
  4. ธนาคารออมสิน
  5. ธนาคารอาคารสงเคราะห์

โดยทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2565 จะมีธนาคารของรัฐที่พร้อมให้บริการส่งข้อมูล dStatement ด้วยกัน 3 แห่ง ได้แก่

  1. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  2. ธนาคารออมสิน
  3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์

และธนาคารที่พร้อมให้บริการส่งข้อมูลเพิ่มมาอีก 3 แห่ง ได้แก่

  1. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
  2. ธนาคารกสิกรไทย
  3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์

สำหรับเดือนเมษายน 2565 ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ttb) จะพร้อมให้บริการส่งข้อมูล และในเดือนพฤษภาคม 2565 จะเปิดรับข้อมูลได้ และธนาคารไทยพาณิชย์ในเดือนเมษายน 2565 จะสามารถรับข้อมูลได้ และสุดท้ายในเดือนพฤษภาคม 2565 ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จะเปิดส่งข้อมูล โดย ธ.ก.ส. และธนาคารออมสินจะรับข้อมูลได้ โดยภายในเดือนมิถุนายน 2565 จะมีธนาคารให้บริการทั้งสิ้น 11 แห่ง

dstatement

“บริการนี้จะช่วยบูรณาการทั้งระบบ โดยผู้ได้ประโยชน์ไม่ใช่เฉพาะลูกค้า แต่รรวมถึงสถาบันการเงินที่จะยกระดับการให้บริการ เนื่องจากธนาคารต้องใช้ข้อมูลในการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งจากเดิมจะต้องใช้กระดาษ แต่บริการ dStatement นี้จะช่วยประหยัดต้นุทนและลดกระดาษที่ปี 2564 มีคำขอสูงถึง 9 ล้านคำขอ และช่วยลดความสุ่มเสี่ยงที่ข้อมูลจะถูกนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยบริการนี้จะส่งผ่านดาต้าและประมวลผลได้ทันที ซึ่งเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานไปสู่ Digital Economy”

เชื่อมั่น dStatement สร้าง data sharing economy เพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อของรายย่อย

นายฉัตรชัย ศิริไล ประธานสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า บริการ dStatement จะช่วยสร้าง data sharing economy ซึ่งจะทำให้รายย่อยสามารถเข้าถึงระบบสินเชื่อ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของธนาคารรัฐที่จะทำให้รายย่อยเข้าถึงระบบได้ ซึ่งปัจจุบันฐานลูกค้าของธนาคารรัฐ 3 แห่ง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ออมสิน และ ธ.ก.ส. รวมกันมีทั้งสิ้น 20 ล้านราย

หากสามารถทำให้คนเหล่านี้เข้าถึงระบบการเงินได้ จะเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงบริการ และลดต้นทุนทั้งลูกค้า ธนาคาร และยกระดับประเทศไปสู่ Digital Economy โดยในเดือนมีนาคม 2565 นี้ทั้ง 3 ธนาคารพร้อมให้บริการ dStatement

iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
(100K+)