ให้แมวรับงานโฆษณา คนหรือแมวต้องเสียภาษี?

ทั่วไป

2,122 VIEWS

เพราะการมีรายได้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือ การทำธุรกิจเท่านั้น ในยุคปัจจุบันน้องหมาน้องแมวหรือสัตว์เลี้ยงน่ารักก็สามารถหารายได้ให้เจ้าของได้เช่นกัน และหากสัตว์เลี้ยงของเราเกิดมีรายได้ขึ้นมา จะต้องจ่ายภาษีหรือไม่? และใครจะเป็นคนรับผิดชอบภาษีในส่วนนี้? iTAX มีคำตอบ

ทำความเข้าใจ ประเภทของรายได้ที่มาจากการเลี้ยงสัตว์

ในกรณีที่คุณมีรายได้จากการเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น การเลี้ยงสัตว์เพื่อจำหน่าย การฆ่าสัตว์เพื่อจำหน่าย หรือการเลี้ยงสัตว์เพื่อให้บริการ กรณีใดก็ตามแต่ เงินได้ของคุณจะถูกจัดว่าเป็น เงินได้ประเภท 8 หรือ เงินได้ 40(8) ซึ่งเงินได้ประเภทที่ 8 นี้ จะเป็นเงินได้ที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี นั่นหมายความว่า คุณจะต้องยื่นภาษีทั้งครึ่งปีและยื่นภาษีประจำปีด้วย ซึ่งคุณสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 แบบ คือ

  • การหักค่าใช้จ่ายตามจริง ซึ่งหากคุณเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริง คุณจะต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่ายด้วย
  • หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ในกรณีนี้คุณไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่าย เนื่องจากกฎหมายได้กำหนดอัตราค่าใช้จ่ายที่คุณสามารถหักเหมาไว้เรียบร้อยแล้ว

และหากคุณมีรายได้จากการเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากทางใดก็ตาม กฎหมายได้กำหนดอัตราการหักค่าใช้จ่ายไว้ดังนี้

รายได้ ค่าใช้จ่ายที่หักได้
การเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด รวมถึงขายวัตถุพลอยได้ หักแบบเหมา 60% หรือหักค่าใช้จ่ายตามจริง
การฆ่าสัตว์จำหน่าย รวมถึงขายวัตถุพลอยได้ หักแบบเหมา 60% หรือหักค่าใช้จ่ายตามจริง

กรณีที่สัตว์เลี้ยงรับงานโฆษณา / ออกอีเว้นท์ ใครจ่ายภาษี?

หากสัตว์เลี้ยงของคุณมีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับงานโฆษณา (ทั้งภาพนิ่ง และการถ่ายวิดีโอ) หรือ ออกอีเว้นท์ ฯลฯ แน่นอนว่า ผู้จ้างไม่สามารถจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่สัตว์เลี้ยงของคุณโดยตรงได้ คุณในฐานะที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น จึงต้องทำหน้าที่รับเงินค่าจ้าง และรับผิดชอบภาษีในส่วนนี้ด้วย

และในเมื่อคุณทำการรับเงินจากการทำงานของสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น ก็เท่ากับว่า คุณมีรายได้ และเมื่อมีรายได้คุณจะต้องยื่นภาษีเมื่อถึงเวลาที่กำหนด และจ่ายภาษีเมื่อมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

มีรายได้จากสัตว์เลี้ยงรับโฆษณา / ออกอีเว้นท์ ต้องยื่นภาษีอย่างไร?

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ในกรณีที่คุณมีรายได้จากการพาสัตว์เลี้ยงออกงานอีเว้นท์ หรือ รับงานโฆษณาต่างๆ รายได้ของคุณจัดเป็นรายได้ประเภทที่ 8 หรือ เงินได้ 40(8) ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี นั่นหมายความว่า คุณจะต้องทำการยื่นภาษีด้วย

แต่เรื่องหนึ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้คือ หากรายได้ของคุณจัดเป็นรายได้ประเภท 8 หรือ เงินได้ 40(8) นอกจากคุณจะยื่นภาษีประจำปี ในช่วง 1 มกราคม – 31 มีนาคม ของทุกปีแล้ว คุณจะต้องทำการยื่นภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) ด้วย เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่า ผู้ที่มีเงินได้เข้าข่าย

และมีรายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน ของทุกปี มากกว่า 60,000 บาท (กรณีโสด) หรือ คู่สมรสมีรายได้รวมกันเกิน 120,000 บาท จะต้องทำการยื่นภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) ด้วย (เพิ่มเติมที่ ยื่นภาษีครึ่งปี)

มีรายได้จากสัตว์เลี้ยงรับโฆษณา / ออกอีเว้นท์ แต่ไม่ยื่นภาษีได้มั้ย?

อย่างที่เรารู้กันดีว่า เมื่อมีรายได้ = ต้องยื่นภาษี นั่นหมายความว่า หากรายได้ของคุณไม่ได้รับการยกเว้นภาษีตามที่กฎหมายกำหนด คุณจะต้องทำการยื่นภาษีและเสียภาษีอย่างไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น และหากใครที่กำลังคิดว่า หากไม่ทำการยื่นภาษี หรือ รับเงินสด สรรพากรก็ไม่รู้อยู่ดีว่าคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องยื่นภาษีหรือไม่ คุณกำลังประมาทสรรพากรอย่างมากเลยทีเดียว

เพราะหากคุณสังเกตจะเห็นว่า เงินค่าจ้างที่คุณได้รับในการพาสัตว์เลี้ยงออกงาน หรือ ถ่ายโฆษณาในแต่ละครั้ง มักจะเป็นรายได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย แล้วทั้งนั้น และ การหักภาษี ณ ที่จ่าย นี่แหละ ที่จะทำให้สรรพากรทราบว่า คุณมีรายได้จากทางไหนบ้าง

และการที่ผู้ว่าจ้างทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายนั้น เป็นตามที่กฎหมายกำหนดไว้ว่า ผู้ว่าจ้างจะต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่าย ทุกครั้งที่การจ่ายเงินนั้นเข้าข่ายเงินได้ที่ต้องถูกหักภาษี และผู้ว่าจ้างจะต้องส่งเงินภาษีแก่สรรพากร ตามที่กฎหมายกำหนดด้วย

นั่นหมายความว่า สรรพากรมีข้อมูลการรับเงินของคุณอยู่ในมือแล้ว และหากคุณเจตนาไม่ยื่นภาษี, ปิดบังรายได้ หรือ ยื่นภาษีไม่ครบ คุณจะมีความผิดตามที่กฎหมายกำหนดทันที ซึ่งหากสรรพากรตรวจพบว่า คุณมีเจตนาหลบเลี่ยงภาษี คุณจะมีโทษปรับทางอาญาสูงสุด 200,000 บาท จำคุกสูงสุด 1 ปี และ

  • เสียเบี้ยปรับ x2 ของค่าภาษีที่ต้องจ่าย
  • เสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ต้องจ่าย (นับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดยื่นภาษี)

หมายเหตุ

  1. ความผิดในการหลีกเลี่ยงภาษี หรือ ยื่นภาษีไม่ทันนั้น มีบทลงโทษทางกฎหมายที่แตกต่างกันไป (เพิ่มเติมได้ที่ บทลงโทษ)
  2. การยื่นภาษีไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องเสียภาษีเพิ่มเสมอไป เพราะหากคุณมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี หรือ มีการวางแผนภาษีที่ดีพอ การยื่นภาษียังช่วยให้คุณได้เงินคืนภาษีเพิ่มอีกด้วย

แน่นอนว่า คุณสามารถใช้ แอป iTAX เพื่อวางแผนภาษีและค้นหาตัวช่วยลดหย่อนภาษีประจำปีที่ iTAX shop ได้ฟรีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออัปเดตค่าลดหย่อนประจำปี 2562 แล้ว โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android

ขอบคุณรูปประกอบบทความจาก @furbyfah

iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
(100K+)