จำนำข้าว เหลือรอระบาย 2 แสนตัน เตรียมขาดทุน 5 แสนล้าน

ทั่วไป

จำนำข้าว ยังเหลือข้าวต้องรอระบายอีกกว่า 2 แสนตัน คาดว่าขาดทุนไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ยังต้องจ่ายหนี้คืน ธ.ก.ส อีก 1 แสนล้านบาท

11 ธันวาคม 2564 – นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าโครงการ ‘จำนำข้าว’ แม้จะยุติไปหลายปีแล้ว แต่ยังมีภาระงบประมาณอยู่ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รายงานว่า ในปีงบประมาณ 2565 สำนักงบประมาณได้ตั้งงบชำระหนี้ให้ ธ.ก.ส. จำนวน 6.9 หมื่นล้านบาท น้อยกว่าปีก่อนหน้า

รัฐบาลยังค้างหนี้ ธ.ก.ส. จำนำข้าวอีกแสนล้านบาท แถมมีข้าวรอระบายอีกกว่าสองแสนตัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันรัฐบาลยังมีภาระหนี้จากโครงการดังกล่าวที่ต้องชำระคืนให้กับธ.ก.ส. จำนวน 1 แสนล้านบาท คาดว่าสำนักงบประมาณจะมีการตั้งงบประมาณเพื่อจ่ายหนี้ ปีละ 10-20% ของงบประมาณรายจ่าย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-5 ปีจึงจะชำระหนี้หมด

ขณะเดียวกัน องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เตรียมปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ซึ่งขณะนี้ยังมีข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่ได้จากการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และข้าวเปลือกนาปรัง ของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งยังรอการระบายอีกประมาณ 220,000 ตัน โดยทั้งหมดเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพแล้ว จึงต้องขายเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถนำมาให้คนและสัตว์บริโภคได้ ส่วนใหญ่มีทั้งข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ และเป็นข้าวเสื่อมสภาพที่คนและสัตว์ไม่สามารถบริโภคได้แล้ว โดย อคส. ประเมินว่าข้าวเสื่อมสภาพนี้น่าจะเข้าสู่อุตสาหกรรมเชื้อเพลิง

อคส. คาด จำนำข้าว เตรียมขาดทุน 5 แสนล้านบาท

โดย อคส. ได้ตั้งเป้าหมายระบายข้าวที่ค้างอยู่กว่าสองแสนตันนี้ให้หมดภายในเดือนกันยายน 2565 และเมื่อเปิดให้มีการระบายจนหมดแล้ว จะทำให้สามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวได้ แล้วถึงจะทราบว่ามีผลขาดทุนเท่าไร โดยเบื้องต้น ประมาณ 5 แสนล้านบาท จากการทุจริตในโครงการจำนำข้าว ปีการผลิต 2554-57 ซึ่งได้มีการส่งฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้ว รวม 1,143 คดี และผลขาดทุนดังกล่าวยังไม่รวมผลขาดทุนจากการที่ต้องขายข้าวในราคาต่ำในการประมูลข้าวสารในสต๊อกในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากข้าวยิ่งเก่า ยิ่งขายได้ราคาต่ำ รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่รัฐต้องจ่าย เช่น ค่าเช่าคลังสินค้าเพื่อฝากเก็บข้าวสารในสต๊อก เป็นต้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการประกันรายได้ ที่รัฐบาลจ่ายเฉพาะเงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันและราคาตลาด โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง โดยไม่มีภาระเรื่องการเก็บสต๊อกเพราะเกษตรกรเป็นผู้เก็บเพื่อจำหน่ายเองนั้น ขณะนี้อยู่ในช่วงการจ่ายเงินส่วนต่างฯ งวดที่ 3-7 (9-14 ธ.ค.) ส่วนงวด ที่เหลือ ได้แก่ งวดที่ 8-33 จะทยอยจ่ายในลำดับต่อไป โดยจะมีพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับประโยชน์โดยตรงทันทีกว่า 4.7 ล้านครัวเรือน

iTAX คำนวณและวางแผนภาษี
(100K+)